Entrepreneurial Spirits: 3 สัญญาณมนุษย์ออฟฟิศที่ใกล้จะเป็นนายตัวเอง
Entrepreneurial Spirits: 3 สัญญาณมนุษย์ออฟฟิศที่ใกล้จะเป็นนายตัวเอง (ต้นทุนชีวิตไม่เกี่ยว)
คนทำงานประจำแทบทุกคนแอบมีแก่ใจอยากเป็นนายตัวเอง แต่จากประสบการณ์ทำงานประจำมาสิบปี บรรดาเพื่อนฝูงที่ผ่านพบมีเพียง 10 ใน 100 ที่ก้าวออกไปเป็นนายตัวเอง… ทำไมจึงน้อยคน?
การเฝ้าบอกว่า เบื่องานประจำ อยากเป็นนายตัวเอง ไม่ทำให้คุณบรรลุวัตถุประสงค์ คนที่ได้ก้าวไปเป็นนายตัวเองส่วนใหญ่ไม่มัวเฝ้าบอก แต่เขาลงมือทำ และสนุกกับการเดินตามฝันจนทุกวันมีความหมาย
ผมจะพาไปดู 3 Entrepreneurial Spirits จิตวิญญาณของนายตัวเองที่มีได้ตั้งแต่เป็นมนุษย์เงินเดือนและถ้าหากมีแล้ว คุณมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าวันหนึ่งต้องได้เป็น ช้าหรือเร็วอยู่ที่ ความพยายาม และการค้นพบทางที่ใช่สำหรับคุณ – งานนี้ต้นทุนชีวิตไม่เกี่ยว เพราะคนจำนวนไม่น้อยก็เริ่มจากศูนย์หรือติดลบ และการเริ่มทำธุรกิจในปัจจุบันก็มีต้นทุนต่ำมากเพราะการมาของการทำธุรกิจบนอินเตอร์เน็ต
3 Entrepreneurial Spirits จิตวิญญาณของนายตัวเอง
1. มองตัวเองเป็นนายตัวเอง
Brian Tracy เขียนไว้ในหนังสือ Earn What You’re Really Worth คุณคือ ‘Youself Co.,Ltd.’ บริษัท ตัวคุณเอง จำกัด — อันนี้เรื่องจริง!
ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะคิดว่าคุณคือลูกจ้าง ทำงานไปวันๆ ไม่ต้องทุ่มเทอะไรมาก คุณไม่จำเป็นต้องรักบริษัทเท่าชีวิต แต่ขอให้รักสิ่งที่ตัวเองทำและมองตัวเองเป็น Entrepreneur ระดับปัจเจกหน่วยหนึ่ง
สมมุติคุณเป็นพนักงานขายเครื่องสำอาง จงมองตัวเองเป็น Entrepreneur ที่ทำธุรกิจให้บริการด้านการขายเครื่องสำอาง และคุณก็ได้รับสัญญาว่าจ้างให้เข้าไปบริหารในตำแหน่งนี้
ตอนที่ผมทำงานประจำและยังไม่พบแนวทางธุรกิจที่ตัวเองสนใจ ผมก็นำหลักคิดนี้มาใช้ก่อนที่ได้มาอ่านหนังสือของ Brian Tracy และพบว่ามันเวิร์คมาก ผมมีความสุขกับงาน พอมีความสุขกับงาน ผลงานดี ก้าวหน้าเร็ว และข้อมูลความรู้ในการงานและธุรกิจก็เติบโตอย่างรวดเร็ว
หลักคิดนี้ทำให้ผมก้าวจากพนักงานเรียงสินค้าไปเป็นผู้ช่วยเจ้าของบริษัทในเวลาเพียง 3 ปี และการทำงานในตำแหน่งบริหารจะช่วยให้คุณใกล้ชิดกับการทำงานในภาคธุรกิจมากขึ้น ได้ทั้งความรู้เชิงลึกในธุรกิจและคอนเนคชั่นกับนักธุรกิจต่างๆ ด้วยกัน ปูทางสู่การก้าวไปเป็นนายตัวเองในอนาคต
2. ตื่นเช้าอย่างมีเป้าหมาย
Entrepreneur มีวิสัยทัศน์ไกลและเป้าหมายในงานที่ชัดเจน
การมองตัวเองเป็นนายตัวเองก็ดี และการคิดลองทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ คู่งานประจำก็ดี ทำให้คุณมีทั้งวิสัยทัศน์และเป้าหมาย นำไปสู่การตื่นเช้าอย่างสดใสเพราะชีวิตมีความชัดเจน และพูดเลย ไม่มีอะไรจะมีความสุขเท่ากับการตื่นเช้าแล้วมีความกระตือรือร้นที่จะไปทำงาน
การมองตัวเองเป็นนายตัวเองก็ดี และการคิดลองทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ คู่งานประจำก็ดี ทำให้คุณมีทั้งวิสัยทัศน์และเป้าหมาย นำไปสู่การตื่นเช้าอย่างสดใสเพราะชีวิตมีความชัดเจน และพูดเลย ไม่มีอะไรจะมีความสุขเท่ากับการตื่นเช้าแล้วมีความกระตือรือร้นที่จะไปทำงาน
ผมอยากให้แยกให้ออกว่าการตื่นเช้าอย่างมีความสุขสำหรับ Entrepreneur spirit ไม่ใช่การกล่อมตัวเองว่า ‘ฉันโชคดีๆๆ ฉันมีความสุขๆๆ ฉันมีเป้าหมายๆๆ’ แต่เพียงอย่างเดียว คุณต้องลงมือทำด้วย
Entrepreneurship ในด้านนามธรรมคือกำลังสติสัมปชัญญะ เพื่อค้นหา ค้นคว้า และระลึกรู้ใจตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ เพื่อต้านทานต่ออุปสรรค ปัญหา และความท้อใจต่างๆ โดยเชื่อมเข้ากับรูปธรรมคือ ธุรกิจ สินค้า และบริการ ที่ต้องการทำ
คุณต้องมีสองสิ่งนี้เพื่อนำสู่การตื่นเช้าอย่างมีเป้าหมายครับ นายตัวเองเป็นเรื่องของการคิดและลงมือทำ ทำและทำและทำเท่านั้น
3. ใช้เวลาว่างเพื่อสร้างโอกาส
วลีอมตะจากบุคคลที่ไม่ปรากฏชื่อผู้กล่าวได้บอกว่า…
“…Entrepreneurship is living a few years of your life like most people won’t, so that you can spend the rest of your life like most people can’t…” — An unknown student in Warren G. Tracy’s class
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมทำงานประจำด้วยหลักคิด ‘ตัวเองเป็นนายตัวเอง’ และ ‘ตื่นเช้าอย่างมีเป้าหมาย’ – สุดท้าย ผลลัพธ์เกิดจากการลงมือทำอย่างหนักและอาจถึงขั้นสูญเสียเวลาแห่งความสุขส่วนตัว
ทุกครั้งที่เพื่อนถามว่าปีใหม่ผมทำอะไร ผมจะตอบวาง “สร้างธุรกิจ วางแผนธุรกิจ สร้างธุรกิจ วางแผนธุรกิจ” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกปีจนเพื่อนบอกกับผมว่า “มึงบ้าไปแล้ว”
จริงๆ ผมบ้ากว่านั้นเพราะหลังเลิกงาน วันหยุดเสาอาทิตย์ วันหยุดสงกรานต์ และทุกๆอญูเวลาว่างผมจะใช้เพื่อคิดและพัฒนาธุรกิจ — ทำไมถึงบ้าได้ขนาดนี้
คุณมีเวลาและพลังงานในการทำงานทะลุขีดจำกัดแค่ช่วงนี้แหละครับ 25-35 ปี เกินกว่านี้หากยังไม่ Startup อะไรสักอย่างก็จะเริ่มท้อ เหนื่อย และไม่อยากทำ คุณจะติดกับ Comfort zone และไม่ยินดีที่จะเสี่ยง
เพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานเก่าปัจจุบันอายุ 37, 40 เป็นต้นไปล้วนอยากทำธุรกิจส่วนตัวแต่ไม่อยากเริ่มต้นเพราะกว่าจะไปสำเร็จอีกทีก็เลย 40 ซึ่งมันไม่เร้าใจแล้ว จึงเลือกที่จะทำงานประจำต่อไป มาเช้ากลับดึกแลกกับเงินเดือนที่สูงและอาศัยสวัสดิการวันหยุดเพื่อไปเที่ยวเอา
ตรงนี้ผมขอแยกให้ชัดเจนว่า! ไม่ใช่งานประจำไม่ดี คนที่รักงานนั้นมีอยู่และยินดีทำงานอย่างมีความสุขต่อไป ส่วนกรณีที่ผมสื่อคือคนที่ผมพบว่าไม่มีความสุขในหน้าที่การงานมานานแต่ก็ไม่ก้าวออกมาทำสิ่งใหม่จนกระทั่งวันนี้หมดไฟที่จะเริ่มต้นทุกสิ่งอย่าง
สรุป 3 Entrepreneurial Spirits
การเป็นนายตัวเองวันนี้แทบไม่ได้ขึ้นอยู่กับต้นทุนชีวิต เพราะอินเตอร์เน็ตช่วยให้คุณเริ่มต้นได้เร็วและต้นทุนต่ำ สำคัญคือข้อมูลความรู้ที่จะนำไปทำธุรกิจ
การทำ E-Commerce ขายสินค้าออนไลน์ หรือ การทำ Information business ธุรกิจขายความรู้ เหล่านี้ใช้ทุนหลักพันกลางๆ หรือหลักหมื่นกลางๆ มีช่องทางเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากมายทั้ง Facebook ads, Google Search Marketing ฯลฯ หรือแม้แต่คนทำ Startup บางคนอาศัยเพียงไอเดียไปขายได้เงินทุนเป็นล้านเพื่อไปสร้างธุรกิจ!
เมื่อปัจจัยไม่ใช่เรื่องเงินเป็นที่หนึ่ง สิ่งที่เป็นที่หนึ่งคือเรื่องของ ‘หัวใจ’
หลักคิดดีๆ ที่มาจากใจคือ มองตัวเองเป็นนายตัวเอง มี วิสัยทัศน์ยาวไกลพร้อมเป้าหมายที่ชัดเจน จากนั้นใช้เวลาที่มีเพื่อ ลงมือทำ — คิดได้ทำเลยครับ
หลักคิดดีๆ ที่มาจากใจคือ มองตัวเองเป็นนายตัวเอง มี วิสัยทัศน์ยาวไกลพร้อมเป้าหมายที่ชัดเจน จากนั้นใช้เวลาที่มีเพื่อ ลงมือทำ — คิดได้ทำเลยครับ
ที่มา : http://www.theceoblogger.com/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น